จำนวนผู้ชม 15

กรณีศึกษา (case study)

โครงการ
“จตุรศิลป์ นาฏยบำบัด บ้านเจ็ดเสมียน”
 

          แหล่งข้อมูลเหล่านี้เป็นการบันทึกการสัมภาษณ์และบทสนทนาที่ให้ภาพรวมเกี่ยวกับ โครงการ “จตุรศิลป์ นาฏยบำบัด บ้านเจ็ดเสมียน” ซึ่งเป็นกิจกรรมการรำเพื่อสุขภาพของชุมชน โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุ โดย นายวสุ ป้านทอง ประธาน อสม. เป็นผู้ริเริ่มโครงการนี้เพื่อส่งเสริมสุขภาพและสร้างเอกลักษณ์ของตำบลเจ็ดเสมียนที่มีสี่ชาติพันธุ์ ได้แก่ ไทย จีน เขมร และลาว ผู้เข้าร่วมกิจกรรม หลายคนกล่าวว่ากิจกรรมนี้ช่วยพัฒนาทั้ง สุขภาพกายและสุขภาพจิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วยบรรเทาอาการซึมเศร้า อาการปวดไหล่ และอาการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับวัย นอกจากนี้ โครงการนี้ยังช่วยเสริมสร้าง ความสามัคคีและความสัมพันธ์ ในชุมชนข้ามรุ่น รวมถึงเป็น นวัตกรรม ด้านสุขภาพที่ส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชนผ่านการจัดกิจกรรมต่าง ๆ ในอนาคต.

ผังแนวความคิด

คลิกอ่านเนื้อหาในแต่ละหัวข้อได้

จตุรศิลป์ นาฏยบำบัดบ้าน 7 เสมียน
คืออะไร

          เป็นกิจกรรมการออกกำลังกายที่ผสมผสานระหว่างนาฏศิลป์กับกายภาพบำบัด ซึ่งมีชื่อเรียกเต็มๆ ว่า “จตุรศิลป์ นาฏยบำบัด บ้าน 7 เสมียน” คำว่า “จตุ” แปลว่า สี่ สื่อถึงการนำเอกลักษณ์ของ 4 ชาติพันธุ์ในตำบลเจ็ดเสมียน ได้แก่ ไทย จีน เขมร และลาว มารวมกันเป็นท่ารำ กิจกรรมนี้ถือเป็นนวัตกรรมด้านสุขภาพของชุมชน โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อส่งเสริมสุขภาพกายและใจของคนในชุมชน โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุ      

แนวคิดและที่มาของโครงการ

          ดึงเอกลักษณ์ของชุมชน: โครงการนี้ริเริ่มโดย คุณวสุ ป้านทอง ซึ่งเป็นประธาน อสม. ตำบลเจ็ดเสมียน โดยมีความคิดที่อยากจะดึงเอกลักษณ์ของตำบลเจ็ดเสมียนที่มี 4 ชาติพันธุ์อาศัยอยู่มาสร้างสรรค์เป็นกิจกรรม
          ออกแบบท่ารำอย่างมีหลักการ: ท่ารำต่างๆ ได้รับการออกแบบโดยผู้เชี่ยวชาญด้านนาฏศิลป์จากสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ (ในแหล่งข้อมูลระบุว่า ศิลปากร นครปฐม) เพื่อให้ถูกต้องตามหลักนาฏศิลป์ไทย และเหมาะสมกับวัยของผู้เข้าร่วม โดยท่ารำแต่ละท่าจะแฝงนัยยะของการออกกำลังกายและการผ่อนคลายไว้ด้วย ท่ารำถูกออกแบบให้ทำค้างไว้นานกว่าการรำปกติ เพื่อให้ผู้รำได้ออกกำลังกายอย่างแท้จริง                 

คุณวสุ ป้านทอง
ประธาน อสม.
ผู้ริเริ่มโครงการ

อ.ยุทธพล วรรณะเรืองศรี
ที่ปรึกษาโครงการ

คุณดวงใจ เอี่ยมสะอาด
ผู้ร่วมก่อตั้งโครงการ

คุณปัญญา
ผู้เข้าร่วมโครงการ
ที่หายจากภาวะซึมเศร้า

          

แหล่งข้อมูลได้กล่าวถึงประโยชน์ของกิจกรรมนี้ในหลายมิติ ทั้งทางร่างกาย จิตใจ และสังคม ดังนี้

1. ด้านสุขภาพกาย

    • บรรเทาอาการเจ็บป่วย: ผู้เข้าร่วมหลายคนมีอาการดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เช่น อาการไหล่ติดหายไป ภายในสัปดาห์เดียว อาการปวดหลังลดลง และช่วยป้องกันอาการนิ้วล็อกจากการทำงาน
    • เป็นการออกกำลังกายที่ครบส่วน: ท่ารำถูกประยุกต์ให้มีการเหยียด ยืด และย่อ ซึ่งเป็นหลักการของกายภาพบำบัด ทำให้ได้ออกกำลังกายหลายส่วน เช่น แขน ข้อนิ้ว และหัวเข่า
    • สุขภาพโดยรวมดีขึ้น: ผู้เข้าร่วมรู้สึกว่าร่างกายแข็งแรงขึ้น สดชื่น และบางคนไม่ป่วยจนต้องหาหมอเลย

2. ด้านสุขภาพจิตและสมอง

    • ลดภาวะซึมเศร้า: กิจกรรมนี้ช่วยให้ผู้ที่มีภาวะซึมเศร้ามีอาการดีขึ้นอย่างมาก จนบางคนสามารถหยุดยาได้ ผู้เข้าร่วมรู้สึกว่าชีวิตมีความสุข มีคุณค่า และอยากมีชีวิตอยู่ต่อ
    • ฝึกสมาธิและความจำ: ระหว่างการรำ ผู้รำต้องมีสมาธิจดจ่ออยู่กับจังหวะเพลงและท่ารำ ซึ่งช่วยจัดระเบียบความคิด ไม่ให้ฟุ้งซ่าน นอกจากนี้ การจดจำลำดับท่ารำยังช่วยฟื้นฟูและพัฒนาสมอง ป้องกันการหลงลืมในอนาคต
    • สร้างความสุขและลดความเครียด: การได้มาพบปะพูดคุยและทำกิจกรรมร่วมกันทำให้ผู้เข้าร่วมมีความสุข สนุกสนาน และไม่เครียด

3. ด้านสังคมและความสัมพันธ์

    • สร้างพื้นที่ปลอดภัยและลดปัญหาเยาวชน: กิจกรรมนี้เป็นพื้นที่ปลอดภัยสำหรับเยาวชน ช่วยดึงเด็กออกจากความหมกมุ่นกับโทรศัพท์มือถือ และเป็นวิธีการป้องกันปัญหายาเสพติดทางอ้อม
    • เกิดการรวมกลุ่มและการช่วยเหลือเกื้อกูล: เป็นเวทีให้คนจากต่างหมู่บ้านและต่างวัยได้มาพบปะ แลกเปลี่ยนความคิดเห็น และดูแลทุกข์สุขซึ่งกันและกัน เมื่อมีคนในกลุ่มเจ็บป่วย ก็จะช่วยเหลือดูแลกัน
    • เชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างวัย: กิจกรรมนี้มีผู้เข้าร่วมหลากหลายวัย ตั้งแต่เยาวชนไปจนถึงผู้สูงอายุ ทำให้เด็กและผู้สูงอายุได้สื่อสารกันมากขึ้น ลดช่องว่างระหว่างวัยจกรรมในอนาคต

สกู๊ป สัมภาษณ์

ผู้มีส่วนร่วมจัดตั้งโครงการ “จตุรศิลป์ นาฏยบำบัด บ้านเจ็ดเสมียน”

จตุรศิลป์ นาฏยบำบัดบ้านเจ็ดเสมียน