จำนวนผู้ชม 21

Video ศูนย์เรียนรู้ อาบป่าภูผาเพ

โครงการอาบป่า
(Forest Bathing Project)

          โครงการอาบป่าถือเป็นกลไกสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของหนองบัวลำภู โดยเฉพาะในพื้นที่ภูผาเพ

1. ที่มาและแนวคิดของโครงการ

  • ชื่อและสถานที่: โครงการนี้มีชื่อว่า “โครงการอาบป่าภูผาเพ” ซึ่งตั้งอยู่ในกรอบของศูนย์เรียนรู้อาบป่าเครือข่ายวัดพัชรกิติยาภาราม” โครงการนี้ได้รับการนำแนวคิดมาใช้โดย ดร.ศักพงษ์ หอม ผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนอธิการบดีสถาบันการเรียนรู้เพื่อปวงชน จากประเทศญี่ปุ่น
  • วัตถุประสงค์: โครงการมุ่งเน้นการบำบัดด้วยธรรมชาติทั้ง กายและจิตวิญญาณ ซึ่งคนทั่วโลกกำลังแสวงหา
  • ความสำคัญ: พื้นที่ป่าในหนองบัวลำภูมีความสมบูรณ์ และถูกมองว่าเป็นทั้ง “ปอด” “หัวใจ” และ “จิตวิญญาณ” ของคนในจังหวัดและคนทั่วโลก
  • ความแตกต่างจากการท่องเที่ยวทั่วไป: การอาบป่าเป็นการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ลึกซึ้งและละเอียดอ่อนกว่าการเดินป่าหรือการท่องเที่ยวทั่วไป เพราะเป็นการ จัดการทรัพยากรธรรมชาติร่วมกับการจัดการสุภาวะชุมชน และส่งเสริมการท่องเที่ยวชุมชน

2. หลักการทางวิทยาศาสตร์และการบำบัด
          การอาบป่ามีหลักการทางวิทยาศาสตร์รองรับ

  • การใช้ประสาทสัมผัส ใช้ อายตนะทั้ง 6 (ตา, หู, จมูก, ลิ้น, กาย, ใจ) ในการรับรู้ธรรมชาติอย่างสงบและมีสมาธิ
  • ไฟตอนไซด์ (Phytoncides) ต้นไม้จะปล่อยสารหอมระเหยที่เรียกว่า “ไฟตอนไซด์” ออกมาเพื่อป้องกันตนเองจากเชื้อราและแมลง สารนี้จะมีความเข้มข้นสูงเมื่อเราสัมผัสหรือกอดต้นไม้
  • ผลต่อสุขภาพ การสูดดมไฟตอนไซด์จะไปกระตุ้นการสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกาย โดยเฉพาะเซลล์เม็ดเลือดขาวชนิด “Natural Killer cells” (NK cells) หรือเซลล์เพชฌฆาต ซึ่งมีความสำคัญในการ ต่อสู้กับเซลล์มะเร็ง และเซลล์ที่มาจากเชื้อไวรัส
  • ประโยชน์อื่นๆ การอาบป่าช่วยลดความเครียด บรรเทาอาการซึมเศร้า และช่วยให้ความดันลดลง

3. การพัฒนากายภาพและโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออาบป่า

  • น้ำตก: พื้นที่คุ้มคำใหญ่เป็นป่าต้นน้ำ มีลำน้ำตลอดทั้งปี การพัฒนามีเป้าหมายที่จะปรับปรุงน้ำตกคำปาสร/คำสั้น (Namtok Kham Tat Sawon) ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ น้ำตกจากต้นน้ำมีทั้งหมด 7 ถึง 8 ชั้น
  • ถนน: มีการขอความอนุเคราะห์จากนายก อบจ. ให้ช่วยปรับปรุงถนนทางขึ้นเพื่อให้รถวิ่งได้สะดวก
  • กิจกรรมร่วม: มีการวางแผนจัดงานในวันที่ 13 ตุลาคม เพื่อ “ทำบุญฝาย” หรือสร้างฝายน้ำล้น เพื่อกักเก็บน้ำให้มีน้ำตกที่อุดมสมบูรณ์ตลอดปี
  • จุดสนใจเฉพาะ: ในพื้นที่อาบป่ามีจุดที่น่าสนใจสำหรับการสร้างแรงบันดาลใจและจินตนาการ เช่น ต้นมะค่าขนาดใหญ่ที่สามารถกอดพร้อมกันได้หลายคน รอยพระพุทธบาท หินรูปร่างคล้ายโขลงช้างและไดโนเสาร์ และดอกดิน (Curcuma)

4. โครงการ 621 โครงการอาบป่าภูผาเพ ถูกจัดให้อยู่ในกรอบของตัวเลข 621 ซึ่งมาจากหลักธรรมะและกระบวนการพัฒนาตนเอง

  • 6  หมายถึง อายตนะ 6 (ตา, หู, จมูก, ลิ้น, กาย, ใจ) และอายตนะภายนอก (รูป, เสียง, กลิ่น, รส, โผฏฐัพพะ, ธรรมารมณ์) ที่ใช้ในการรับรู้
  • 2  หมายถึง ผลของอารมณ์ที่เกิดขึ้นจากการรับรู้ ได้แก่ อิฏฐารมณ์ (ชอบใจ/สุข) และ อนิฏฐารมณ์ (ไม่ชอบใจ/ทุกข์)
  • 1  หมายถึง การเกิด อัตตา (ตัวตน) ของแต่ละบุคคล เมื่อตาเห็นรูปและมีการปรุงแต่งเป็นสุขหรือทุกข์ ซึ่งประสบการณ์ที่ได้รับจะไม่เหมือนกัน 100% แม้จะเดินด้วยกัน

          คำแนะนำเกี่ยวกับการ “อาบป่า” ซึ่งเปรียบเสมือนการชำระล้างจิตใจจากความเครียด โดยอาศัยหลักการทางวิทยาศาสตร์ที่เชื่อมโยงกับธรรมชาติ การอาบป่าอย่างง่ายที่สุดคือการปลูกพืชฟอกอากาศในบ้านที่ช่วยเพิ่มความชื้นและออกซิเจน แต่หัวใจสำคัญของการอาบป่าคือการใช้ อายตนะทั้งหก และการทำสมาธิ เพื่อรับเอาสาร ไฟตอนไซด์ (Phytoncide) ที่พืชปล่อยออกมา โดยเฉพาะจากต้นไม้ใหญ่ ซึ่งมีหลักฐานวิจัยสนับสนุนว่าสารนี้จะช่วยกระตุ้นการสร้าง Natural Killer (NK) Cells หรือเซลล์เพชฌฆาตในร่างกาย ทำให้ภูมิคุ้มกันเพิ่มขึ้น ลดความเครียด บรรเทาอาการซึมเศร้า และต่อสู้กับเซลล์มะเร็งได้โดยตรง นอกจากนี้ การอาบป่าควรกระทำอย่างผ่อนคลาย ไม่เร่งรีบ เพื่อเปิดโอกาสให้เกิดจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ผ่านการสัมผัสและสำรวจพื้นที่ต่างๆ ในป่า

วิทยาศาสตร์และประโยชน์ของการอาบป่า

          การอาบป่า (Forest Bathing) มีหลักการทางวิทยาศาสตร์และประโยชน์ด้านสุขภาพที่สำคัญดังต่อไปนี้ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของโครงการศูนย์เรียนรู้การอาบป่าในพื้นที่ภูผาเพ

หลักการทางวิทยาศาสตร์ของการอาบป่า
          หลักการของการอาบป่าเป็น วิทยาศาสตร์ล้วน ๆ โดยเน้นการใช้ประสาทสัมผัสเพื่อรับสารธรรมชาติจากป่า
1. การใช้อายตนะทั้ง 6 (Six Senses)
    ◦ โครงการอาบป่าใช้หลักการของ อายตนะทั้ง 6 ในทางพุทธศาสนา ซึ่งประกอบด้วย ตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ ในการสัมผัสรับรู้สิ่งต่าง ๆ ในป่า (ขณะที่หลักการของญี่ปุ่นใช้เพียง 5 อายตนะ)    
    ◦
การเริ่มต้นอาบป่าควรทำ สมาธิ เพื่อเตรียมความพร้อมของจิตใจ    
    ◦
ควรหลีกเลี่ยงเสียงรบกวนที่ไม่เป็นเมโลดี้ เช่น เสียงค้อนตี หรือเสียงชามตกแตก แต่สามารถใช้ประสาทหูรับฟังเสียงเพลงเย็น ๆ ได้
2. สารไฟตอนไซด์ (Phytoncide)
    ◦ ต้นไม้จะมีการป้องกันตัวเองโดยการปล่อย สารหอมระเหย ที่เรียกว่า ไฟตอนไซด์ ออกมา
   ◦ สารไฟตอนไซด์ช่วยให้ต้นไม้หลีกหนีจากเชื้อราและแมลงต่าง ๆ ได้
   ◦ เมื่อเราเข้าป่าและไปกอดหรือสัมผัสต้นไม้ ต้นไม้จะรับรู้อุณหภูมิและความร้อนจากร่างกายเราและมองว่าเป็นเชื้อราหรือสิ่งแปลกปลอม จึงจะเริ่มปล่อยไฟตอนไซด์ออกมาอย่างเข้มข้น
   ◦ การอาบป่าคือการ เข้าไปอาบไฟตอนไซด์ โดยการสูดหายใจลึก ๆ สารนี้จะพบได้เฉพาะในป่าเท่านั้น
3. การกระตุ้นเซลล์เพชรฆาต (NK Cell)
    ◦ เมื่อไฟตอนไซด์เข้าสู่ร่างกาย มันจะไป กระตุ้นการสร้างภูมิคุ้มกัน ที่เรียกว่า Natural Killer (NK) Cell (เซลล์เพชรฆาต)
    ◦ NK Cell เป็นเซลล์เม็ดเลือดขาวชนิดหนึ่ง
    ◦ งานวิจัยทางการแพทย์ระบุว่า NK Cell มีความพิเศษคือจะ วิ่งเข้าใส่เซลล์แปลกปลอม ทันที โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เซลล์มะเร็ง
    ◦ สามารถวัดผลทางวิทยาศาสตร์ได้โดยการตรวจนับจำนวน NK Cell ในเลือดก่อนเข้าป่า และตรวจซ้ำหลังเข้าป่าไปแล้วประมาณ 2-3 ชั่วโมง เพื่อเปรียบเทียบผล

ประโยชน์ด้านสุขภาพและการประยุกต์ใช้

ประโยชน์ที่ได้รับจากการอาบป่าส่งผลดีต่อทั้งสุขภาพกายและสุขภาพจิตใจ

  1. ต่อสู้กับโรคและความเจ็บป่วย

            ◦ ช่วยให้เซลล์มะเร็งหายไปได้ เนื่องจาก NK Cell จะไปส่งผลโดยตรงต่อเซลล์มะเร็ง

            ◦ ช่วยผู้ที่มีอาการป่วยจาก เชื้อไวรัส

            ◦ ช่วยบรรเทาอาการของโรค เช่น ผู้ที่เคยเป็น สโตรก (stroke) อาจอาการดีขึ้นได้ เนื่องจากธรรมชาติบำบัด มีกรณีที่ผู้ป่วยสโตรกจากสิงคโปร์ฟื้นตัวได้โดยใช้การเดินสูดกลิ่นไอจากดอกไม้ป่า

  1. สุขภาพจิตและความคิดสร้างสรรค์

            ◦ ลดความเครียด ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ทำงานในเมืองและมีภาวะความเครียดสูง

            ◦ บรรเทาอาการซึมเศร้า

            ◦ ช่วยให้เกิด ความสงบ และ ความผ่อนคลาย

  1. สุขภาพกายทั่วไป

            ◦ ช่วย บูรณะซ่อมแซมเซลล์ ต่าง ๆ ที่อยู่ในร่างกาย

            ◦ ความดันโลหิตลดลง

            ◦ การอาบป่าควรทำอย่างสม่ำเสมอทุกสัปดาห์จะช่วยให้สุขภาพดีขึ้น

 

นอกจากนี้ การอาบป่ายังถือเป็นกิจกรรมการเรียนรู้ที่ผสมผสานระหว่างการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ การจัดการสุขภาวะชุมชน และการส่งเสริมการท่องเที่ยวชุมชน และเป็นเรื่องใหญ่ที่คนทั่วโลกแสวงหา”

การอาบป่าอย่างง่าย

การเตรียมตัวอาบป่า

  1. เลือกสถานที่ เงียบสงบ ไม่มีเสียงรบกวน จากความรุนแรง กระแทก ตกแตก ระเบิด เสียงดังทั้งปวง (วางโทรศัพท์) กรณี ไม่ได้เลือกสถานที่ธรรมชาติ เราสามารถเลือกมุมสงบภายในบ้าน ในสวน ปลูกต้นไม้ฟอกอากาศ สร้างบรรยากาศด้วยกลิ่นหอมระเหยจากธรรมชาติ อโรมาเทอราปี้ ก็สามารถสร้างบรรยากาศผ่อนคลายได้
  2. กำหนดเวลา การอาบป่าควรใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง เพื่อให้ร่างกายเข้ากับธรรมชาติ
  3. วัดความดัน จับชีพจร

วิธีการปฏิบัติในการอาบป่า

1. ใช้ประสาทสัมผัสทั้ง 6

    1. ใจ ทำสมาธิ หายใจเข้าลึกๆ หายใจออกยาวๆ อย่างช้าๆ ปรับสภาพร่างกายและทำใจ แล้วออกเดินช้าๆ ไม่ต้องรีบเร่ง

           2. สายตา มองใบไม้สีหลากหลาย

          3.หูฟังธรรมชาติ เสียงใบไม้กระทบกัน แมลง นก

          4.จมูก ดมกลิ่นใบไม้ ดิน บรรยากาศ ไอหมอก

          5. ลิ้น ลิ้มรสใบไม้ที่ทานได้ จิบชาผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ

          6.ผิวกาย มือ สัมผัส ใบไม้ เปลือกไม้(จับ หรือโอบกอด) ผิวดิน เท้า สายน้ำ

2. หยุดพักเป็นระยะ หาจุดนั่งพัก ใต้ต้นไม้ใหญ่ โขดหิน ชิงช้าธรรมชาติ อยู่นิ่งๆ เพื่อรับพลังจากธรรมชาติ

3. ปล่อยความคิดไปตามจินตนาการ ปล่อยวางใจให้สงบ และอยู่กับป่า ผ่อนคลายไปกับธรรมชาติขณะนั้น

4. ขอบคุณธรรมชาติ ด้วยการอำลา

Video ศูนย์เรียนรู้ อาบป่าภูผาเพ