จำนวนผู้ชม 3

โครงการ
“จตุรศิลป์ นาฏยบำบัด บ้านเจ็ดเสมียน”
 

แนวคิดและความเป็นมา

จุดเริ่มต้น :
การดึง “เอกลักษณ์” ชุมชนมาสร้าง “นวัตกรรมด้านสุขภาพ”

          แนวคิดหลักของโครงการนี้ริเริ่มโดย
คุณวสุ ป้านทอง ซึ่งดำรงตำแหน่งประธาน อสม. ตำบลเจ็ดเสมียน แนวคิดดังกล่าวเกิดขึ้นจากความต้องการที่จะสร้างกิจกรรมที่ส่งเสริมสุขภาพให้กับคนในชุมชน โดยเฉพาะกลุ่ม อสม. ที่มีหลากหลายช่วงวัย แต่แทนที่จะเป็นการออกกำลังกายทั่วไป คุณวสุมีความคิดที่จะ ดึงเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของตำบลเจ็ดเสมียน ซึ่งมีการอยู่ร่วมกันของคน 4 ชาติพันธุ์ ได้แก่ ไทย จีน เขมร และลาว มาเป็นหัวใจหลักของกิจกรรม นี่คือที่มาของชื่อ “จตุรศิลป์” ซึ่ง “จตุ” แปลว่าสี่ สื่อถึง 4 ชาติพันธุ์นั่นเอง
          ดังนั้น โครงการนี้จึงไม่ได้เริ่มต้นจากการเป็นเพียงกิจกรรมร่ายรำเพื่อความสวยงาม แต่เป็นการสร้าง “นวัตกรรมด้านสุขภาพ” ที่หยั่งรากลึกในวัฒนธรรมท้องถิ่น โดยมีเป้าหมายที่ชัดเจนตั้งแต่แรกคือ “เพื่อส่งเสริมสุขภาพให้แก่คนในชุมชน”

การออกแบบอย่างมีหลักการ: ผสมผสาน “นาฏศิลป์” และ “กายภาพบำบัด”

เพื่อให้กิจกรรมนี้บรรลุเป้าหมายด้านสุขภาพอย่างแท้จริง ผู้จัดทำไม่ได้คิดท่ารำขึ้นมาเอง แต่ได้ร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ (ในแหล่งข้อมูลระบุว่า “ศิลปากร นครปฐม”) เพื่อออกแบบท่ารำให้ถูกต้องตามหลักนาฏศิลป์ไทย และที่สำคัญคือ การประยุกต์ท่ารำให้เข้ากับหลักกายภาพบำบัด

  • ท่ารำแฝงนัยยะการออกกำลังกาย: ทุกท่ารำถูกออกแบบมาให้มีนัยยะของการออกกำลังกายแฝงอยู่ โดยยึดหลัก
    “เหยียด ยืด ย่อ”
    เพื่อให้ผู้รำได้บริหารร่างกายในส่วนต่างๆ
  • ออกแบบให้เหมาะสมกับวัย: ท่ารำถูกออกแบบให้เหมาะสมกับวัยของผู้เข้าร่วม
    โดยเฉพาะผู้สูงอายุ
  • รำให้นานขึ้นเพื่อการบำบัด: แตกต่างจากการรำทั่วไปที่เปลี่ยนท่าเร็ว กิจกรรมนี้จะ
    จงใจให้รำแต่ละท่านานขึ้น
    เพื่อให้ผู้รำได้ออกกำลังกายอย่างแท้จริง เช่น การบริหารแขน ข้อนิ้ว และหัวเข่า

การแก้ปัญหาชุมชน
ในมิติที่กว้างกว่าสุขภาพกาย

          เมื่อกิจกรรมเริ่มต้นขึ้น กลับพบว่าประโยชน์ที่เกิดขึ้นนั้นขยายวงกว้างไปไกลกว่าแค่สุขภาพกาย แต่ยังครอบคลุมถึงมิติทางสังคมและจิตใจด้วย

  1. แก้ปัญหาภาวะซึมเศร้าและความโดดเดี่ยวของผู้สูงอายุ:

    • กิจกรรมนี้กลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการช่วยเหลือผู้ที่มี ภาวะซึมเศร้า มีกรณีของผู้เข้าร่วมที่ป่วยเป็นโรคซึมเศร้ามานาน 3-4 ปี จนไม่อยากมีชีวิตอยู่ แต่เมื่อได้เข้าร่วมโครงการ ก็มีกำลังใจ รู้สึกว่าชีวิตมีคุณค่า และสามารถหายจากโรคซึมเศร้าได้โดยไม่ต้องทานยา
    • นอกจากนี้ ยังช่วยแก้ปัญหาความโดดเดี่ยวของผู้สูงอายุที่ต้องอยู่บ้านคนเดียวทั้งวัน เมื่อได้ออกมาพบปะผู้คนก็ทำให้รู้สึกสดชื่นขึ้น
  2. สร้างพื้นที่ปลอดภัยและป้องกันปัญหายาเสพติดในเยาวชน (ทางอ้อม):

    • ผู้ปกครองมองว่าพื้นที่จัดกิจกรรมเป็น “พื้นที่ปลอดภัย” สำหรับลูกหลาน จึงชวนเยาวชนให้เข้าร่วมเพื่อจะได้ไม่ต้องหมกมุ่นอยู่กับโทรศัพท์มือถือ
    • การดึงเยาวชนให้เข้ามาทำกิจกรรมร่วมกับผู้ใหญ่ ยังถือเป็นการ ป้องกันปัญหายาเสพติดทางอ้อม โดยทำให้เด็กซึมซับและเอาแบบอย่างสิ่งดีๆ จากผู้ใหญ่
  3. สร้างเวทีแห่งการรวมกลุ่มและเยียวยาทางสังคม:

    • กิจกรรมนี้เป็นมากกว่าการออกกำลังกาย แต่เป็น “เวที” ที่ทำให้คนจากต่างหมู่บ้านซึ่งอาจอยู่ห่างกันหลายกิโลเมตรได้มาพบปะพูดคุยกัน
    • เป็นพื้นที่สำหรับ แลกเปลี่ยนทุกข์สุข ดูแลซึ่งกันและกัน และเมื่อเกิดความขัดข้องหมองใจกัน ก็มีกติกาว่าจะให้อภัยกันเพื่อรักษาความสุขของกลุ่มไว้

              โดยสรุปแล้ว “จตุรศิลป์ นาฏยบำบัด บ้าน 7 เสมียน” มีแนวคิดและที่มาจากการมองเห็นคุณค่าในวัฒนธรรมท้องถิ่น (4 ชาติพันธุ์) และนำมาสร้างสรรค์เป็นนวัตกรรมเพื่อแก้ปัญหาสุขภาพในชุมชนอย่างเป็นระบบ แต่ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นได้ขยายไปสู่การเป็นเครื่องมือในการเยียวยาจิตใจ สร้างความสัมพันธ์ระหว่างวัย และสร้างความเข้มแข็งทางสังคมให้กับตำบลเจ็ดเสมียนได้อย่างกว้างขวาง