จำนวนผู้ชม 2

กิจรรมและกระบวนการ

             กิจกรรมหลักของโครงการนี้คือ การออกกำลังกายโดยใช้ท่ารำนาฏศิลป์ที่ผสมผสานเอกลักษณ์ของ 4 ชาติพันธุ์ ในตำบลเจ็ดเสมียน ได้แก่ ไทย จีน เขมร และลาว กิจกรรมและกระบวนการเหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงการรำเพื่อความสวยงาม แต่มีเป้าหมายและนัยยะที่ลึกซึ้งกว่านั้นในหลายมิติ

1. กระบวนการพัฒนากิจกรรมและท่ารำ

             การบูรณาการศาสตร์: ท่ารำเป็นการประยุกต์และบูรณาการระหว่าง นาฏศิลป์ไทย และ กายภาพบำบัด โดยได้รับความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญด้านนาฏศิลป์จากสถาบันศิลปากร นครปฐม ในการออกแบบท่ารำให้ถูกต้องตามหลักนาฏศิลป์ไทย ควบคู่ไปกับการใช้หลักการ “เหยียด ยืด ย่อ” ของกายภาพบำบัด

          การออกแบบเพื่อการบำบัด: ท่ารำแต่ละท่าถูกออกแบบมาให้มีนัยยะของการออกกำลังกายแฝงอยู่ โดยเน้นให้ผู้เข้าร่วมได้ออกกำลังกายจริง ๆ เช่น การนับจังหวะที่ยาวนานขึ้นในแต่ละท่า เพื่อให้ร่างกายได้ออกแรงและยืดเส้นยืดสายอย่างเต็มที่ ตัวอย่างเช่น ท่ารำของไทยช่วยเรื่องการดัดนิ้ว ป้องกันนิ้วล็อค, ท่าเวียนแขนและท่าจีบช่วยแก้ปัญหาไหล่ติด, และท่ารำของลาวได้บริหารหัวเข่าและเอว

          กระบวนการฝึกฝนและพัฒนา: ผู้เข้าร่วมต้องมีสมาธิจดจ่อกับจังหวะดนตรีและท่ารำ ซึ่งกระบวนการนี้ช่วยจัดระเบียบความคิด ไม่ให้ฟุ้งซ่าน และช่วยฟื้นฟูความทรงจำ นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาท่ารำและชุดการแสดงอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความท้าทายใหม่ ๆ ให้กับสมาชิก

2. กระบวนการทางสังคมและการมีส่วนร่วม

          กิจกรรมนี้เป็นมากกว่าการออกกำลังกาย แต่เป็น “เวที” ที่สร้างกระบวนการทางสังคมที่สำคัญในชุมชน:

  • การสร้างพื้นที่ปลอดภัยและการรวมกลุ่ม: กิจกรรมนี้ดึงดูดคนหลากหลายวัย ตั้งแต่เยาวชนไปจนถึงผู้สูงอายุ (สว.) ให้มาทำกิจกรรมร่วมกัน พื้นที่นี้ถูกมองว่าเป็น “พื้นที่ปลอดภัย” สำหรับเยาวชน ทำให้ผู้ปกครองไว้วางใจส่งลูกหลานมาร่วมกิจกรรม เพื่อให้ห่างไกลจากโทรศัพท์และปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ
  • การแลกเปลี่ยนเรียนรู้และเยียวยาจิตใจ: ที่นี่เป็นพื้นที่ให้สมาชิกได้มาพบปะ พูดคุย แลกเปลี่ยนทุกข์สุข และให้กำลังใจซึ่งกันและกัน สำหรับผู้ที่มีภาวะซึมเศร้า กิจกรรมนี้ช่วยให้พวกเขากล้าเปิดใจและกลับมามีความสุข มีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นอีกครั้ง กระบวนการนี้ช่วย “โม่” ความทุกข์และความสุขเข้าด้วยกัน โดยเน้นที่การสร้างรอยยิ้มและความสุข
  • การสร้างความสัมพันธ์ข้ามรุ่นและข้ามหมู่บ้าน: กิจกรรมนี้สามารถดึงคนจาก 6 หมู่บ้านในตำบลเจ็ดเสมียน ซึ่งบางหมู่บ้านห่างกันถึง 3 กิโลเมตร ให้มารวมตัวกันได้ นอกจากนี้ยังสร้างความสัมพันธ์ระหว่างวัย ทำให้เด็ก ๆ ได้เรียนรู้การสื่อสารกับผู้สูงอายุและรู้สึกไว้วางใจมากขึ้น

3. กระบวนการสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน

          กิจกรรมนี้ไม่ได้หยุดอยู่แค่เรื่องสุขภาพ แต่มีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลไปสู่การพัฒนาชุมชนในมิติต่าง ๆ:

  • การสร้างนวัตกรรมชุมชน: โครงการนี้ถูกมองว่าเป็น “นวัตกรรมการพัฒนาด้านสุขภาพ” ของตำบล ที่สามารถเป็นต้นแบบให้ชุมชนอื่น ๆ นำไปปรับใช้ได้
  • การพัฒนาสู่เศรษฐกิจและท่องเที่ยว: มีแผนที่จะต่อยอดกิจกรรมไปสู่การแสดงที่ใหญ่ขึ้น เช่น การแสดงแสง สี เสียง (Light and Sound) ที่บอกเล่าประวัติศาสตร์ของตำบลเจ็ดเสมียน รวมถึงการพัฒนาพื้นที่ให้เป็น “ลานสุขภาวะ” และ “ตลาดสุขภาพ” เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในชุมชน โดยเชื่อมโยงกับเรื่องการท่องเที่ยวชุมชน
  • การสร้างองค์ความรู้และสืบทอด: มีความร่วมมือกับสถาบันการศึกษาต่าง ๆ เช่น มหาวิทยาลัยศิลปากร, ราชภัฏนครปฐม และสถาบันการเรียนรู้เพื่อปวงชน (มหาวิทยาลัยชีวิต) เพื่อเก็บข้อมูลและสร้างเป็นองค์ความรู้ (Knowledge Management) นอกจากนี้ยังมีความตั้งใจที่จะส่งต่อกิจกรรมนี้ไปสู่เยาวชนรุ่นต่อไป เพื่อให้เป็นมรดกของชุมชน.

          โดยสรุป กิจกรรมและกระบวนการ ของจตุรศิลป์ นาฏยบำบัด บ้านเจ็ด เสมียน เป็นกระบวนการแบบองค์รวมที่เริ่มต้นจากการพัฒนากิจกรรมทางกายที่ผสมผสานศิลปะและสุขภาพ ไปสู่การสร้างกระบวนการทางสังคมที่เข้มแข็ง และท้ายที่สุดคือการวางรากฐานเพื่อการพัฒนาชุมชนที่ยั่งยืนในมิติเศรษฐกิจและวัฒนธรรม.